А теперь слушаем сюда.
Дотрагиваться до чужой головы не принято. Shus все верно описал, видно, что владеет вопросом гораздо выше уровня знания цен на проституток набережной Паттаи. Если кто-то из ваших знакомых хватает вас или ваших детей за голову, то это говорит лишь о том слое общества, в котором вы обитаете, не более того. Традиционно в массажных салонах и парикмахерских мастер сначала извинится, что ему придется дотрагиваться до головы клиента. Если мастер этого не делает, это может говорить или о его дурном воспитании, или о том, что ему на вас наср...ать. Делайте выводы, какие места вы посещаете. Другое дело, что большинству иностранцев вход в тайское общество закрыт, поэтому они вряд ли увидят само это общество и смогут пользоваться всеми преференциями, которые дает это общество.
По поводу головы и потери лица на русском языке: Re: Краткий обзор тайской культуры
Если кто-то считает это дезинформацией, то читайте об этом от самих тайских культурологов:
เชื่อได้เลยว่าพ่อแม่หลายคน คงต้องเคยสังเกตศีรษะของลูกว่ามีกี่ขวัญ ซึ่งเป็นการทำนายต่อๆ กันว่า ถ้าลูกชายมี 2 ขวัญ จะขยันหาเมีย โดยปริศนาความเชื่อเรื่องขวัญเหล่านี้ เป็นความเชื่อของคนโบราณที่เชื่อต่างกันออกไป ซึ่งมีทั้งเรื่องเจ้าชู้ ความฉลาด หรือลงลึกไปถึงตัวจิต วิญญาณที่ไม่มีตัวตน ตลอดจนการกลับชาติมาเกิด
ในเรื่องนี้ "น้อย วงศ์บุญมา" คุณยายวัย 89 ปี ปราชญ์ชาวบ้าน ผู้เฒ่าผู้แก่ของหมู่บ้านพวงพยอม อ.จุน จ.พะเยา เล่าย้อนความเชื่อเรื่อง "ขวัญ" ให้ฟังว่า ความเชื่อเรื่องขวัญเป็นการบอกเล่าสืบๆ ต่อกันมา จากรุ่นของทวด ปู่ ย่า ตา ยาย มาสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน โดยขวัญประจำตัวของคนเรามีทั้งหมด 32 ขวัญ ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะบริเวณศีรษะตำแหน่งเดียว แต่ยังขวัญมีอยู่ทั่วร่างกาย ตามผิวหนัง หรือข้อพับต่างๆ
"ขวัญในแต่ละจุดสามารถสื่อความหมายอย่างไรไม่มีใครทราบ แต่สำหรับขวัญบนศีรษะ ที่คล้ายๆ กับขมวดผมที่เป็นแนวของเส้นผมขดเป็นวงกลมหรือขดเป็นแนวก้นหอย ปกติคนส่วนใหญ่จะมีเพียง 1 ขวัญ แต่ก็มีคนจำนวนหนึ่งที่มีมากกว่า 1 ขวัญขึ้นไป"
สำหรับคนที่มี 1 ขวัญ ยายน้อยบอกว่า ไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าพูดถึงลักษณะแนวการวนของเส้นผมหรือขวัญนั้น มีความเชื่อกันว่า แนวเส้นผมที่วนซ้ายจะเป็นขวัญดี แต่ถ้าวนขวาจะสื่อถึงขวัญประจำตัวหรือขวัญที่หนึ่ง ไม่ใช่ขวัญของใครกลับชาติมาเกิด
ขณะที่ "ศรีมา วงค์จักร์" คนเก่าคนแก่ของหมู่บ้านใหม่ ในจังหวัดพะเยาที่ย้ายถิ่นฐานมาจากจังหวัดลำปาง บอกเล่าว่า ความเชื่อเรื่องขวัญของคนสมัยโบราณไม่ต่างกันมากนัก เด็กที่มีขวัญเดียวถือเป็นเรื่องปกติ ส่วนคนที่มี 2 ขวัญ คนสมัยก่อนบอกว่าเป็นคนเจ้าชู้ ขยันหาคู่ครอง หรืออาจจะมีภรรยา-สามีหลายคน
แต่ในจำนวนของขวัญทั้ง 2 ขวัญนี้ ว่ากันว่า ขวัญที่ 1 เป็นขวัญตักตวง มีความหมายว่า ตักเอาแต่ของที่ดีๆ เข้ามาในชีวิต ส่วนขวัญที่ 2 เป็นขวัญของคนที่กลับชาติมาเกิด ซึ่งจะเป็นคนดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับบุญกุศลที่ได้สร้างไว้ตั้งแต่ชาติที่แล้ว บางคนก็เชื่อว่าคนที่มีสองขวัญ มีคนกลับชาติมาเกิดสองคน บางหมู่บ้านก็เชื่อว่าคนที่มีขวัญ 2 ขวัญขึ้นไปจะเป็นคนที่เฉลียวฉลาด หัวดี มีไหวพริบ
"ในชุมชนต่างจังหวัด โดยเฉพาะภาคเหนือจะเชื่อกันว่า ขวัญที่อยู่บนศีรษะของเด็ก เป็นตัวแทนของจิต หรือวิญญาณของญาติผู้ใหญ่ที่เสียชีวิตไป แล้วกลับชาติมาเกิดเป็นลูกหลานในชาตินี้ ซึ่งเป็นเรื่องลี้ลับ จับต้องไม่ได้ แต่ชาวบ้านก็มีความเชื่อว่า เมื่อใดที่มีเด็กเกิดใหม่ในครอบครัว จะมีการทำนายกันว่า ใครเป็นคนที่กลับชาติมาเกิดเป็นเด็กคนนี้ ฉะนั้นขวัญประจำตัวก็เป็นของคนที่มาเกิด"
นอกจากนี้ การมีขวัญบนศีรษะ ยังมีการคิดตามหลักทางวิทยาศาสตร์ด้วยว่า เป็นการแสดงยีนเด่นหรือยีนด้อยของลูก ซึ่งในเรื่องนี้ยังไม่มีข้อมูลรองรับที่จะสามารถนำมาอ้างอิงได้ ดังนั้นตราบใดที่ความเชื่อไม่ทำให้เกิดความเสียหายกับชีวิต และร่างกายของลูก
ดังนั้น อย่าเพิ่งไปกังวล ตกใจ หรือตื่นตระหนก เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับการกระทำ และการประพฤติปฏิบัติมากกว่า ซึ่งถ้าพูดกันตามจริง ขวัญเป็นเพียงเส้นผมที่ขึ้นเรียงกันเป็นก้นหอยอยู่บนศีรษะของคนเรา เป็นลักษณะการเจริญของเส้นผม ส่วนใครจะมองแบบใดแล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคล
*** ข้อมูลประกอบเรื่องเล่า/จาก http://th.answer.yahoo.com
คำว่า "ขวัญ" เป็นคำไทยที่บัญญัติขึ้น พจนานุกรมไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายไว้ว่า ขวัญ เป็นสิ่งไม่มีตัวตน แต่มีอยู่ประจำชีวิตของคนเราตั้งแต่เกิดมา ในขณะที่อีกความหมายคือ ผม หรือ ขน ที่ขึ้นเวียนเป็นก้นหอยบนศีรษะ
อย่างไรก็ดี "ขวัญ" ที่ให้ความหมายว่า จิต หรือ วิญญาณที่ไม่มีตัวตน ที่มีอยู่กับชีวิตของคนเราทุกคน มีอยู่กับสิ่งของทรัพย์สินของคนเราทุกชนิด จิตหรือขวัญจะต้องอยู่กับร่างของคน สัตว์ สิ่งของ ตลอดเวลา ถ้าหากเมื่อใดขวัญออกห่างไปจาก ร่างกายคน ก็จะส่งผลให้คนนั้นมีอาการอ่อนแอ เจ็บป่วยและอาจเสียชีวิตไปในที่สุด
คนที่มีขวัญอ่อน มักเจ็บป่วยอยู่เสมอ เนื่องจากการประสบอุบัติเหตุ เมื่อขวัญออกห่างไป ความหายนะก็เข้ามาแทนที่ ซึ่งความเชื่อดังกล่าวคนสมัยก่อนที่เล่าต่อๆ กันมา การที่ร่างย้ายจากสถานะหนึ่งไปอยู่อีกสถานะหนึ่งหรือย้ายจากที่หนึ่ง (ที่อยู่อาศัย) ไปอยู่อีกที่หนึ่งโดยกะทันหัน เช่น การไปทำงานในต่างถิ่น การไปเที่ยวสนุกสนาน จนลืมตัว เหล่านี้ก็ทำให้ขวัญเหินห่างจากร่างได้ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ขวัญออกจากร่างกาย หรือให้ขวัญกลับเข้าร่างเดิม จึงได้มีการเรียกขวัญขึ้น ซึ่งมีขั้นตอนและพิธีกรรมต่างๆ ตามแบบอย่างของคนแต่ละท้องถิ่นเคยปฏิบัติกันมา
ภาพล่าง "ลุงศรีมา วงค์จักร์"
Далее в программе - как общаться с человеком, который говорит неправду.
Ответ тайского радио: "Никак не общаться".
Далее в программе:
- Например, что тайцы часто показывают неверное направление пути якобы из-за нежелания потерять лицо, признав, что на самом деле этого не знают. Или, скажем, вам недодали сдачу - вы сказали об этом кассиру и вы же в это случае теряете лицо... Какова логика тайца в данных ситуациях?
Ответ:
- Здесь стоит говорить о логике конкретного тайца, поэтому в идеале лучше всего спросить у него. По поводу сдачи и кассира - с чего это вы взяли, что потеряете лицо, если укажете на данный недочет кассира? )) Это ваши деньги, и вы их обязаны считать. Другое дело, если вы считаете чужие деньги или лезете туда, к чему не имеете отношения, то да, приобретаете скверную репутацию (сиречь теряете лицо).
Пардон, что затянул с ответом, был в разъездах.
Эпилог.
Изкузьмы, но многие посты на форуме показывают, что граждане не дружат не только с головами тайцев, но и со своими собственными. Поэтому на явно дебильные вопросы я отвечать не намерен, это пустая трата буквиц. Можете обижаться на это, можете не обижаться - это ваше личное дело и не имеет ко мне никакого отношения, зайчеги мои. )) Тем, кто действительно хочет что-то узнать о Таиланде и культуре Таиланда, я охотно помогу, чем смогу. Но дебилизм я не лечу.
Ом мани падме хум.